ขออธิบายก่อนนะครับว่าหุ้น IPO หมายถึงอะไร หมายถึงหุ้นที่พึ่งเข้าตลาดมา คำว่าเข้าตลาดจะแปลความหมายหลายอย่างมากไม่ว่าจะเข้ามาได้แค่เพียง 1 วัน 1 เดือนหรือว่า 1ปี ทั้งหมดจะเรียกว่าหุ้น IPO หมด
ในการวิเคราะห์หุ้นหรือว่าสินทรัพย์ทางเทคนิคแล้ว ทุกกลยุทธ์จะใช้หลักเหมือนกันทั้งหมดคือ ต้องย้อนดูจากของเก่า หมายความว่าต้องมีประวัติประมาณนึงถึงจะสามารถคาดคะเนแนวโน้มได้ แต่ว่าปัญหาของหุ้นที่พึ่งเข้าใหม่คือ ไม่มีประวัติอะไรบอกเลย
ดังนั้นวิธีการแก้ไขของคนส่วนมากคือ พยามย่อเวลากราฟเพื่อที่จะได้ภาพที่ใหญ่ขึ้น เช่นแทนที่จะดูกราฟรายวันก็ไปดูรายชั่วโมงหรือว่ารายครึ่งชั่วโมง หลังจากได้รายชั่วโมงแล้วก็ใช้วิธีการวิเคราะห์ตามปรกติ ซึ่งผลที่ได้จะแตกต่างกัน
ยกตัวอย่างหุ้น STGT หุ้นตัวนี้ได้เข้ามาในตลาดไม่นาน ถ้าหากดูจากประวัติแล้ว ราคาใน 9 วันแรกจะเป็นขาขึ้น ถ้ามาดูคลื่นรายชม จะพบว่า ในรายย่อย หุ้นได้ทำเป็นลักษณะของ abc ขา b เป็น Zigzag และเป้าอยู่ที่ 100% ซึ่งถ้าหากดูจากเฉลยแล้ว ขา c ไปที่ 100 % พอดี ในกรณีนี้เราต้องใช้ เวลา 4 วันในการรอรูปแบบของราคาถึงยืนยันว่าเป็นคลื่น a คลื่น b
หุ้นตัวที่ 2 JR ในช่วงแรกใช้เวลา 5 วันแล้วหุ้นขึ้นไปยังจุดสูงสุด ดังนั้นจึงมาดูรายชั่วโมงว่าได้ทำรูปแบบอะไรหรือไม่ เมื่อดูรายชั่วโมงปรากฏว่าไม่พบรูปแบบของคลื่น การขึ้นเป็นลักษณะของ monowave คือขึ้นแบบต่อเนื่อง ไม่มีการทำรูปแบบคลื่น มีลักษณะบางช่วงเหมือนคลื่น b แต่ว่าสัดส่วนของคลื่นยังไม่ชัดเจนจึงไม่สามารถสรุปว่าเป็นคลื่น b ได้
หุ้นตัวที่ 3 Micro ในวันแรกหุ้นขึ้นไปจุดสูงสุด แล้ววันต่อมาราคาได้ลงมา ถ้าหากไปดูในรายชั่วโมงจะพบว่า หุ้นทำลักษณะเหมือนจะเป็น 3 คลื่น คือ คลื่น b ลงมาที่ 61.8 เป็นลักษณะของ Flat ซึ่งเป้าหมายของราคาจะอยู่ที่ 100-161.8% แต่เมื่อไปวัดขนาดของคลื่น c ปรากฏว่าไปเพียง 61.8% เท่านั้น และหลังจากนั้นหุ้นมีการลงมาที่รุนแรง ซึ่งสัดส่วนเป้าหมายราคาได้เปลี่ยนไป
จากที่ยกตัวอย่างมาทั้ง 3 ตัว เราจะสรุปว่าหุ้น ipo ในคลื่นแรกต้องมี 3 คลื่นเสมอนั้นยังสรุปไม่ได้ เพราะว่าภาพที่ปรากฎมานั้นเป็นการใช้ตัวอย่างของเก่า และราคาทั้งหมดได้แสดงออกมาแล้ว ในการเทรดจริงลักษณะของราคาอาจจะไม่เป็นตามที่เราคาดการณ์ต้องดูองค์ประกอบอื่น เช่น ขนาดของคลื่น b สมส่วนตามกฎของขนาดคลื่นหรือไม่ และช่วงเวลาในการฟอร์มคลื่น a บางครั้งอาจจะใช้เวลา 3 วัน 5 วัน หรือว่า 1 วัน ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้นอาจจะใช้ทฤษฎีอื่น เข้ามาช่วยในการตัดสินใจเช่น การใช้ทฤษฎีเส้นค่าเฉลี่ย MACD หรือว่า RSI เพื่อดูแนวโน้มของเทรนได้